http://3.bp.blogspot.com/-2LPZv5FzZwM/TyDlBtVNBzI/AAAAAAAAAMM/0vkLF-wrzG4/s400/1-63.jpg
ตั๋วรถเมล์...สิ่งพิมพ์เรียบง่าย ที่อยู่ใกล้ตัว
ไม่น่าเชื่อว่าตั๋วเพียงหนึ่งใบจะสื่อความหมายหลายๆ อย่างเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หลังจากคิดที่จะวิเคราะห์เจ้ากระดาษแผ่นน้อยนี้แล้ว จึงได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของตั๋วรถเมล์ จึงได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นไปอีกว่ากระดาษแผ่นเล็ก เปรียบเหมือน “กระดาษมหัศจรรย์” ทุกตัวอักษร ทุกตัวเลขบนแผ่นกระดาษมีความหมายในตัวของมันเองอยู่ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่เราเองก็เคยสงสัยแต่ไม่เคยที่จะสนใจในจุดนี้ ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ฉันได้รับเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ภายในตั๋วรถเมล์หนึ่งใบ ในที่นี้จะพูดถึงรูปลักษณ์หรือองค์ประกอบภายนอกโดยรวมของตั๋วรถเมล์ กระดาษรูปทรงสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กๆ ซึ่งจากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมมานั้นพอจะวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบของตั๋วรถเมล์ตามความเข้าใจของเราเอง
สังเกตได้ว่าในเรื่องของความสมดุล (Balance) ตั๋วรถเมล์มีการกำหนดจุดศูนย์กลางของชิ้นงาน เห็นได้ชัดจากเมื่อเรามองภายในตั๋วก็จะเห็นตัวเลขพิมพ์ด้วยสีเข้มหนาเรียงกันอยู่ส่วนกลางของกระดาษอย่างเด่นชัด นอกจากนี้ตัวอักษรที่มีความหนาหนัก ก็จะมีภาพสีสว่างสดใสมาช่วยให้สว่างขึ้น และการที่พื้นหลังสีอ่อนช่วยทำให้ตัวอักษรไม่ถูกกลืนไปกับพื้นหลังได้เป็นอย่างดี ตัวอักษรในกระดาษมีการกระจายเท่ากันทั้งซ้ายขวาของศูนย์กลาง ถือว่าในเรื่องความสมดุลตั๋วรถเมล์จัดอยู่ในเกณฑ์ที่มีความสมดุลที่เหมาะสม
ในเรื่องของความมีเอกภาพ (Unity) ตั๋วรถเมล์มีเอกภาพ ดูได้จากลักษณะของการใช้ตัวอักษรในลักษณะเดียวกัน เลือกใช้สีจากชุดสีเดียวกัน มีการวางโครงร่างได้เป็นระเบียบในทิศทางเดียวกันได้อย่างเหมาะสม อาจจะยังมีตั๋วรถเมล์บางส่วนที่ใช้สีไม่ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก็ถือว่าเป็นแค่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
การเน้นจุดแห่งความสนใจ (Emphasis) ในส่วนบริเวณค่าโดยสารจะมีการทำพื้นทึบเป็นสีเข้มและตัวอักษรสีขาว ทำให้ดูเด่นกว่าส่วนอื่นๆ ขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับสะดุดตามากนัก เนื่องจากสีของพื้นเป็นสีชุดเดียวกันกับทั้งแผ่นตั๋ว เรื่องของจังหวะ (Rhythm) มีการเว้นช่องไฟที่ดี ทำให้เมื่อมองภาพโดยรวมแล้วไม่รู้สึกอึดอัดตา สุดท้ายในเรื่องของความเรียบง่าย (Simplicity) ตั๋วรถเมล์เป็นสิ่งพิมพ์ที่ถือว่ามีความเรียบง่าย จะเห็นได้จากการจัดวางตัวอักษร และตัวเลขที่ไม่มีความสลับซับซ้อน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการรับรู้ของผู้อ่าน
จากการวิเคราะห์หลักการออกแบบตั๋วรถเมล์ข้างต้นตามความเข้าใจของตนเองแล้ว รู้สึกได้ว่าตั๋วรถเมล์มีขั้นตอนการออกแบบที่ดี มีความเหมาะสมในภาพโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กที่ให้ความใส่ใจกับรายละเอียดของการผลิตได้เป็นอย่างดี อาจจะมีข้อบกพร่อง ไม่เรียบร้อยบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่ามีความเป็นแบบแผน และทิศทางที่ชัดเจนในการผลิต หากถ้าใครได้ลองใช้เวลาสักนิดเพื่อสังเกตตั๋วรถเมล์ในมือของตนเองแล้วก็จะเข้าใจในสิ่งที่ฉันได้สื่อสารออกไป เชื่อว่าหลายๆคนก็ต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันได้บอกออกไปอย่างแน่นอน เพียงแค่คุณได้ลองเปิดใจ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเศษกระดาษใบเล็กๆหนึ่งใบเพียงเท่านั้น...
แหล่งข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
http://student.nu.ac.th/saomee/lesson3.html
http://www.bangkokprint.com/index.php?knowledge=knowledge47
http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976245
_____________________________________
เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย...เกี่ยวกับ “ตั๋วรถเมล์”
http://3.bp.blogspot.com/-IjK2p_7YOec/TyFELtDyRZI/AAAAAAAAAMc/yGibK3q8RNQ/s320/62290_70.jpg
1. เลข 1-15 หมายถึง ตัวเลขแทนช่วงระยะทาง ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงระยะทางที่กรมการขนส่งได้กำหนดไว้เป็นมาตรฐาน ซึ่งรถเมล์ทุกสายไม่ว่าจะเป็นเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หรือรถร่วมบริการต้องใช้ร่วมกัน อย่างเช่นเลขที่แทนช่วงระยะทางที่ 1 ก็จะมีระยะทางตั้งแต่ตลาดอตก.3 เลี้ยวถึงถนนประชาราษฎร์ ระยะทางที่ 2 ก็จะมีระยะทางตั้งแต่ถนนประชาราษฎร์ถึงสะพานพระราม 7 เป็นต้น ตัวเลขแทนช่วงระยะทางนี้จะมีมากกว่าหรือน้อยกว่า 15 ช่วงระยะก็ได้ ขึ้นอยู่กับองค์กรที่ให้บริการว่าจะให้บริการเส้นทางที่ใกล้ไกล มากน้อยขนาดไหน
นอกจากจะแทนช่วงระยะทางแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ยังสามารถบอกให้กับผู้โดยสารและนายตรวจตั๋วได้รู้อีกว่า ผู้โดยสารขึ้นจากรถเมล์ป้ายไหน และนับเป็นช่วงระยะทางที่เท่าไหร่ และถ้าเป็นรถเมล์ที่จ่ายเงินตามระยะทาง ก็จะบอกถึงราคาในแต่ละระยะทางอีกด้วย
นอกจากจะแทนช่วงระยะทางแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ยังสามารถบอกให้กับผู้โดยสารและนายตรวจตั๋วได้รู้อีกว่า ผู้โดยสารขึ้นจากรถเมล์ป้ายไหน และนับเป็นช่วงระยะทางที่เท่าไหร่ และถ้าเป็นรถเมล์ที่จ่ายเงินตามระยะทาง ก็จะบอกถึงราคาในแต่ละระยะทางอีกด้วย
2. โลโก้ของบริษัท บริษัทที่ให้บริการผู้โดยสารขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทว่าจะใช้โลโก้แบบไหน ถ้าหากเป็นรถของขสมก. ก็จะเป็นตราของขสมก. แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชน ก็จะมีตราบริษัทที่ต่างกันออกไป จะเห็นได้จากตั๋วใบนี้ที่โลโก้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ BSS
3. เลขรหัสม้วนตั๋ว เป็นเลข 3-4 หลักแรก (ซึ่งในแต่ละองค์กรที่ให้บริการจะกำหนดไม่เท่ากัน) ใน 7 หลัก ซึ่งจะแทนเส้นทางการเดินรถที่ทาง ขสมก. กำหนดขึ้น รวมทั้งยังแทนสายรถเมล์สายนั้นๆ ด้วย
4. เลขจำนวนผู้โดยสาร เป็นเลข 3-4 หลักต่อท้ายจากเลขรหัสม้วนตั๋ว ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 000 ในทุกๆ ม้วนตั๋วและจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้โดยสารในแต่ละวัน รู้อย่างนี้แล้วใครที่อยากได้ตั๋วที่ลงท้ายด้วย 000 ไปรอกันที่ท่ารถตั้งแต่รถออกได้เลย
5. เลขหมวดตั๋ว เป็นเลขที่แทนรอบการผลิตตั๋วและแทนรถเมล์สายนั้นๆ ซึ่งจะมีตั้งแต่ 1-1000 เลยทีเดียว อย่างเช่นตั๋วรถเมล์ในรูปนี้ เลขหมวดตั๋วคือ 55
6. สีของตั๋ว สีของตั๋วนอกจากจะบอกถึงราคาแล้ว สำหรับรถเมล์ปรับอากาศคำนวณราคาตามระยะทางยังสามารถบอกถึงช่วงระยะในการเดินทางของผู้โดยสารอีกด้วย
แหล่งข้อมูล : http://www.hflight.net/forum/m-1251967996/